นอกจาก "โควิด" ยังมีเชื้อไวรัสอะไรบ้าง ??

โควิดซาอย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะในอากาศยังมีเชื้อไวรัส ที่รอก่อโรคร้ายอื่นๆ อีกเพียบ!! มาดูกันว่า นอกจาก “โ ค วิ ด” ยังมีเชื้อไวรัสอะไรอีกบ้างที่ติดผ่านทางอากาศ

 

1. ไรโนไวรัส (Rhinovirus)

เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกับจมูก ก่อให้เกิดโรคหวัด เป็นสาเหตุของการติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยสุดในมนุษย์ และเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคหวัดตามฤดูกาลในทุกๆปี โรคหวัดที่พบบ่อยมากในเด็ก

กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ
  • กลุ่มที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2ปี
  • ผู้สูงอายุ
  • หญิงตั้งครรภ์
  • คนที่มีโรคเรื้อรัง 

ทั้งนี้เพราะเด็กเล็กยังดูแลตัวเองไม่ได้ หายใจไม่สะดวก หากป่วยแล้วดูแลไม่ดี ไปหาหมอไม่ทันเวลาอาจทำให้เกิดอาการปอดอับเสบ ถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

2.ไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus)

การติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่า ในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้มีไข้ ไอ น้ำมูก คัดจมูก จาม เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย โดยอาการคล้ายกับไข้หวัด แต่มักจะรุนแรงกว่าและหายช้ากว่า บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ จนทำให้มีอาการหอบเหนื่อย

กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ
  • เด็กที่อายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี
  • ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
  • หญิงตั้งครรภ์ และผู้หญิงที่อยู่ในระยะ 2 สัปดาห์หลังคลอด
  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง เช่น เบาหวาน หัวใจ ปอด เส้นเลือดสมองตีบ โรคไตเรื้อรัง

 

3.ไวรัสอะดีโน (Adenovirus)

การติดเชื้อไวรัสอะดีโน ส่งผลให้เกิดโรคได้ในหลายระบบของร่างกาย มีอาการได้ตั้งแต่เป็นไข้หวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ท้องเสีย หรือตาแดง ไวรัสชนิดนี้มีชีวิตอยู่ได้นานถึง 30 วัน ตามพื้นผิวสิ่งแวดล้อม จึงสามารถระบาดได้ตลอดทั้งปี

กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ
  • เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 3 เดือน
  • เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน
  • มีโรคประจำตัวในระบบทางเดินหายใจหรือระบบหัวใจที่ผิดปกติ 

 

4.ไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory syncytial virus)

เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบตามมา ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ และโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ในบางรายเกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด มีเสมหะในลำคอมาก ๆ

กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ
  • ทารกคลอดก่อนกำหนดโดยเฉพาะที่อายุครรภ์น้อยกว่า 29 สัปดาห์
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคปอด

 

5.ไวรัสวาริเซลลา (Varicella virus)

ไวรัสวาริเซลลาเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส ซึ่งสามารถแพร่กระจายด้วยการหายใจเอาละอองฝอยในอากาศเข้าไปในร่างกาย หรือเกิดการสัมผัสตุ่มน้ำที่ผิวหนังของผู้ป่วยโดยตรงที่กำลังอยู่ในระยะแพร่เชื้อ และเมื่ออายุมากขึ้น หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่หลบซ่อนอยู่ในร่างกายอาจจะเจริญเติบโตขึ้นใหม่จนก่อให้เกิด โรคงูสวัด


ทุกวันนี้อากาศที่เราหายใจเข้าไปนั้นมีเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจอีกมากมาย เช่น ไรโนไวรัส, ไวรัสอินฟลูเอนซา, ไวรัสอะดีโน ฯลฯ ยิ่งช่วงนี้เป็นหน้าฝน ความชื้นในอากาศสูง ยิ่งทำให้เชื้อโรคเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดี และทำให้มีโอกาสติดได้ง่ายขึ้น

สำหรับแนวทางการป้องกันตัวเอง นอกจากจะต้องหมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่บ่อยๆ สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกไปสถานที่แออัดหรือพื้นที่ปิด อย่าลืมสร้างพื้นที่ 𝐏𝐫𝐞𝐦𝐢𝐮𝐦 𝐐𝐮𝐚𝐥𝐢𝐭𝐲 𝐀𝐢𝐫 ด้วย 𝐔𝐕 𝐂𝐚𝐫𝐞𝟐𝟓𝟒 𝐀𝐢𝐫𝐟𝐥𝐨𝐰 ซึ่งจะช่วยกำจัดทุกเชื้อโรคในอากาศของบ้านคุณ ลดการติดเชื้อซ้ำซ้อน พร้อมดูแลทุกคนในครอบครัว

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>> https://www.goodtechthai.com/research

Share to :