ใครๆ ก็อยากให้บ้านมีกลิ่นหอม ไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์กวนใจ
แต่มีหลายวิธีให้เลือกใช้ แต่จะปลอดภัยแค่ไหน? มาดูกัน

1.สเปรย์ปรับอากาศ

เป็นการแก้ปัญหากลิ่นอับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ปลายเหตุ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้บ้านมีกลิ่นหอมทันที แต่กลิ่นจะไม่มีความคงทน จำเป็นต้องฉีดบ่อยครั้ง

ข้อดีของสเปรย์ปรับอากาศ

  • กลิ่นหอม และมีกลิ่นให้เลือกเยอะ
  • ปรับอากาศทันที

ข้อเสียของสเปรย์ปรัยอากาศ

  • อาจะทำให้ระบบทางเดินหายใจระคายเคือง
  • กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ในคนที่แพ้น้ำหอม
  • กำจัดกลิ่นได้ชั่วครัว ต้องฉีดซ้ำบ่อยๆ

 

2.น้ำยาทำความสะอาด

เน้นทำความสะอาดที่พื้นผิววัตถุ มีหลากหลายกลิ่นและหลายแบบให้เลือก ควรเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดให้เหมาะกับพื้นผิวชนิดนั้นๆ แต่ไม่สามารถช่วยปรับให้อากาศสะอาดสดชื่น 

ข้อดีของน้ำยาทำความสะอาด

  • กำจัดเชื้อโรคซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่น
  • ชำระล้างสิ่งสกปรกบนพื้นผิว
  • บางผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดกลิ่นได้

ข้อเสียของน้ำยาทำความสะอาด

  • ทำให้ผิวหนังและระบบทางเดินหายใจระคายเคือง
  • กัดกร่อนพื้นผิว

 

อีกหนึ่งทางเลือกในการกำจัดกลิ่นในบ้าน ได้ตั้งแต่ต้นเหตุของการเกิดกลิ่น ทำลายลึกถึงระดับ DNA ของแบคทีเรีย และ RNA ของไวรัส ด้วย 𝐔𝐕 𝐂𝐚𝐫𝐞𝟐𝟓𝟒 𝐀𝐢𝐫𝐟𝐥𝐨𝐰 เครื่องยับยั้งเชื้อโรคในอากาศ แบบ Hi Performance

ใช้งานง่าย ติดตั้ง || เสียบปลั๊ก🔌 || เปิดสวิตช์💡 || เปิดได้ 24 ชั่วโมง ไม่ต้องปิดเครื่อง

🍃กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่าง “รวดเร็ว” “ตรงจุด” และ “ปลอดภัย” ด้วยประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราในอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดกลิ่นได้ 99.99% โดยยืนยันผลการทดสอบจากสถาบันศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ (BIOTEC)
🍃ได้รับการยืนยันประสิทธิภาพในการปรับคุณภาพอากาศให้อยู่ในขั้นดี-ดีมาก เมื่อเปิดใช้งานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง จากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ERTC)
🍃ไม่ปล่อยก๊าซโอโซน รังสี หรือสารอันตรายออกมา
🍃ไม่ทำลายพื้นผิว ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา และผิวหนัง
🍃ปลอดภัยทั้งคนและสัตว์เลี้ยง สามารถอยู่ในพื้นที่ ขณะเปิดใช้งานได้

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>> https://www.goodtechthai.com/research

Share to :